Thursday, September 14, 2006

ทีลอซู-ทีลอเร (Part V)

ค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านไป พวกเราทั้ง 8 พากันไปมุงกันที่โต๊ะในโรงอาหารกันแต่เช้าตรู่ รอให้พี่แสงพาไปถ่ายรูปจุดที่ ททท. ใช้ถ่ายภาพน้ำตกลงวารสาร ซึ่งต้องปีนเขาที่อยู่ด้านตรงข้ามกับน้ำตก เราได้แต่ถอนใจเพราะเจอทางชันอีกแล้ว นอกจากนี้ยังต้องปีนหน้าผาหินขึ้นไปจึงจะมองเห็นน้ำตกฝั่งตรงข้ามอยู่ลิบๆ พี่แสงก็ช่างไม่บอกกันเลยว่าช่างภาพ ททท. เขาให้เลนซ์ซูมสุดยอด ต่างกับกล้อง x2 ของเราดั่งฟ้ากับเหว แต่อย่างไรก็ตามก็สนุกสนานกันไปกับการถ่ายรูปหมู่กันจนหายเหนื่อย

หลังจากนั้นก็เดินทางกลับรีสอร์ท ยัยหมอปุ้มจะเมารถอีกหรือเปล่าเราก็ไม่ได้สนใจเพราะหลับเกือบตลอดทาง มาถูกปลุกให้ลงไปเที่ยวถ้ำตะโค๊ะบิใกล้ๆรีสอร์ท ซึ่งมีไกด์ตัวจิ๋ว ชั้น ป. 3 – 4 พาเข้าไป ภายในถ้ำกว้างขวาง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนบนพื้นค่อนข้างเรียบเป็นที่นั่งกรรมฐานของพระธุดงค์ ส่วนล่างว่ากันว่าเคยเป็นที่อยู่ของพวกคอมมิวนิสต์และใช้เก็บเสบียง อาวุธ เด็กๆ บอกว่าในถ้ำมีงูเจ้าที่ตัวใหญ่ 2 ตัว เลยผวาคอยมองตามซอกหินข้างทางบ่อยๆ ถ้ำด้านล่างนี่มีหินงอกหินย้อย ที่ไกด์น้อยบอกว่าเหมือนทีลอซู ทีลอเรจำลอง (ไม่เห็นจะเหมือนเลย) กลับไปกินข้าวเที่ยงที่รีสอร์ทแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมกลับ

พี่ศรีมาส่งพวกเราเพื่อรับตั๋วรถทัวร์ที่สถานีขนส่งแม่สอด หลังจากพาแวะน้ำตกพาเจริญ จากนั้นก็ไปแวะซื้อของที่ตลาดริมเมยตอนเกือบปิดตลาด ทำให้เราได้โอกาสซื้อของฝาก (ของคล้ายๆ กับที่หาดใหญ่) กับถามหาถั่วแป๊ะยีที่แม่สั่งซื้อ ซึ่งต้องไปเถียงกับคนขายตั้งนานเพราะที่นี่เรียกว่าถั่วแป๊ะจ่อ แถมยังก็มีถั่วแป๊ะหล่อที่ชื่อเหมือนกันอีก แต่ก็ซื้อของได้ไม่นาน เพราะยัยหมอปุ้มที่นั่งรถผ่าน 1,219 โค้งอีกครั้งทำท่าจะพับอยู่ตรงนั้น เลยต้องหิ้วมานั่งพักบนรถ อาหารเย็นนี้พี่ศรีพาพวกเราไปร้านอาหารที่สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จมาทรงเสวย ชื่อร้าน ข้าวเม่าข้าวฟ่าง ร้านนี้ตกแต่งแบบธรรมชาติ มีต้นไม้ใหญ่ มีกล้วยไม้ ดอกไม้ประดับทั่วร้าน ในบึงน้ำยังปลูกบัวกระด้งอีกด้วย พวกเราไปถึงสถานีขนส่ง 21.00 น. หลังจากร่ำลาพี่ๆ IBM ขึ้นรถคนละคันแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ อย่างสวัสดิภาพ

No comments: