Wednesday, September 13, 2006

แพร่-น่าน ล่องแก่งน้ำว้า (Part II)

รถเราเป็นคันวิ่งตามคันหน้า แต่พี่คนขับแกก็ตามจริงๆ ข้างหน้าแซงก็แซงบ้าง บางทีก็เปิดไฟไล่คันที่แทรกตรงกลาง เข้าทำนองฟ้ามิอาจกั้น เล่นเอาเสียวไปทั้งคันรถ หรือว่าพี่คนขับแกไม่ค่อยรู้ทางก็ไม่รู้ ส่วนน้องไกด์...หลับไปตั้งกะแรก รถมาแวะพักอีกทีเลยนครสวรรค์ จากนั้นเราก็หลับตลอดเพราะแย่งชิงหมอนรองคอยัยหมอปุ้มมาได้เลยสบายไม่ปวดคอ และไม่หนาวเพราะมีทั้งหมวกและเสื้อกันหนาว คราวหน้าควรขนหมอนรองคอและถุงเท้ามาด้วย

ไปถึง รร.ซิตี้ พาร์ค จ. น่านตอนตี 4 กว่าๆ เข้าพักห้องละ 4 คน นัดกินข้าวตอน 7.00 น. แต่ตี 5 กว่าๆ เราก็ตื่นแล้ว จากนั้นคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ตื่นอาบน้ำตาม เช้ากินข้าวผัด ข้าวต้มจนอิ่ม แล้วก็โทรไปรายงานแม่ว่ามาถึง แพร่แล้ว (ตอนลงรถยังง่วงๆ เลยไม่รู้ว่านี่มันแพร่หรือน่าน) จากนั้นก็เตรียมตัวไปล่องแก่งกัน รถต้องวิ่งขึ้นเขาเป็นชั่วโมงกว่าจะไปถึงจุดให้ล่องแก่ง ยัยหมอปุ้มทนรถเหวี่ยงไม่ไหว หน้าซีดหน้าเซียวแล้วก็อ้วกซะ ไปถึงเขาก็สอนวิธีพายเรือยาง วิธีทำตามคำสั่ง แล้วก็ช่วยตัวเองตอนตกแพ ดูน้ำก็ไหลแรงเหมือนกัน เป็นสีน้ำตาลแดง แต่เขาว่าที่จะล่องตรงนี้เป็นปลายแก่ง น้ำไม่แรงเท่าตอนกลางแก่งที่ต้องใช้เวลาล่องเป็นวันๆ

พอได้พายแรกๆ น้ำก็แรงหรอก ช่วยกันพายตรงแก่งที่น้ำแรงมาก คนคุมท้ายต้องสั่งพายทวน พายตามอยู่ แต่ไปได้ไม่นานก็แผ่ว น้ำค่อนข้างอยู่ในระดับเดียวกัน จนไกด์บอกให้โดดลงไปว่ายเล่นได้ ระวังแค่ไม่เรือชนเอา แล้วก็ตอนไหลตามน้ำให้เอาเท้าไปก่อนเผื่อจะยันขอบหินที่มองไม่เห็นมากระแทก แต่ถ้าจะชนกับเรือก็ให้เอาเท้ามาด้านหัวเรือ เพื่อยันเรือไว้ เอกกับเหน่งโดดลงไปเล่นน้ำ แต่กว่าจะขึ้นมาได้ต้องใช้แรงน่าดู เลยไม่โดดตามลงไป มาแวะพักเที่ยงตรงเนินดินย่อมๆ แต่แดดร้อนน่าดู กินข้าวกล่องแล้วก็มีอาหารพื้นเมืองพวกน้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แคบหมู ยัยหมอปุ้มดีขึ้นเยอะจนจ้อไม่หยุดแล้ว หลังกินข้าวก็พายจ๋อมแจ๋มไปแป๊บนึงก็สุดทาง แวะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็จะไปดูบ่อเกลือกันต่อ

ไอ้บ่อเกลือที่ว่าเนี่ยโครตผิดหวังเลย นั่งรถขึ้นลงเขาไปตั้งนาน 2 นาน จนยัยหมอปุ้มอ้วกอีกรอบ ก็มาถึงบ่อน้ำเก่าๆ ลึกมากจนมองไม่เห็นก้นบ่อ เขาจะใช้รอกต่อกับกระป๋องตักน้ำขึ้นมา แล้วก็เอาน้ำไปเคี่ยวในกระทะใหญ่ๆ จนได้เกลือ สรุปว่าเป็นเพราะดินเค็มน่ะแหละ เกลือในดินถูกน้ำชะลงบ่อ พอระเหยเอาน้ำออกเก๊าะได้เกลือ มี รพ. บ่อเกลืออยู่ใกล้ๆ เขามาช่วยเพิ่มคุณค่าด้วยการเติมไอโอดีนในเกลือ ชาวบ้านเลยไม่เป็นเอ๋อ แต่นักท่องเที่ยวเอ๋อไปตามๆ กัน ว่าแค่เนี๊ยะ ให้ตูมาตั้งไกล ทุกคนจะดูบ่อเกลือคนละ 1 – 2 นาที จากนั้นอีก 10 กว่านาทีก็บ่นไปพลาง ดูเด็กชาวบ้านแก้ผ้าเล่นน้ำไปพลาง

พวกสมุนไพรก็มีขายอยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากเกลือ อย่างแฮ่ม แต่ดูไม่เป็นว่าของจริงหรือเปล่า หรือมีอย่างอื่นปนมา หมอปุ้มซื้อไปถุงนึง แล้วก็มีอีกอย่างเป็นส่วนลำต้นไม่ใหญ่มาก มัดรวมกัน ท่าทางจะถูกและมีทุกร้าน กำลังนึกว่าจะซื้อให้ยายหมอปุ้มอมแก้อ้วก แล้วก็ฝากยัยเจ๊ผ่องคาบแก้งอน ก็พอดีคนขายเขาบอกว่ามันใช้ทำฟืน เลยสะบัดก้นขึ้นรถไป

ยัยหมอปุ้มย้ายไปนั่งข้างคนขับตั้งแต่หลังล่องแพแล้ว ส่วนไกด์ก็เปลี่ยนเป็นผู้ชายมาแทน สงสัยไกด์ทิพย์เขาขอเปลี่ยนเอาคนแรงเยอะๆ มาเผื่อยัยหมอปุ้มเป็นหนักจะได้จับโยนลงรถไป ตามที่พวกบนรถอีกคันบอกว่าไกด์แอ๊ด entertain น่าดู ให้เล่นเกมสารพัด แต่พอขึ้นรถคันนี้ก็หงอยเหมือนกัน เพราะหลับกันหมดไม่มีใครสนใจไกด์ ส่วนยัยหมอปุ้ม...ก็อ้วกอยู่หน้ารถ วันต่อมาไกด์ทิพย์ก็เลยมาทำหน้าที่เหมือนเดิม

เย็นนี้เราจะพักกันที่ อ. ปัว จ. น่าน ออกจากบ่อเกลือก็ยังวิ่งขึ้นเขาอีก ไปถึงยอดดอยภูคา สูงประมาณ 1600 กว่าเมตร ยังไม่ 4 โมงเย็นก็มองเห็นทะเลหมอกอยู่ด้านล่างแล้ว รู้สึกดีมากๆ ดอยนี้จะมีต้นไม่ล้านปีตระกูลปาร์ม ชื่อต้นเต่าล้าน หรือ เต่าร้างนี่แหละ ถึงยอดดอยแวะถ่ายรูปก็ยังติดมาหลายต้น แล้วก็มีต้นชมพูภูคา จะออกดอกปีละครั้ง แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้ ลักษณะดอกเป็นดอกช่อ คล้ายๆ ผักตบชวา ดอกสีชมพู ไกด์พาไปชี้ให้ดูเห็นมีแค่ 2 ต้น ตอนออกดอกคงสวยน่าดู เห็นว่าประเทศไทยมีอยู่ที่เดียว ส่วนสมาพันธ์เดี่ยวไมค์ฯ (ปรองดองกันจนน่าจะเรียกแบบนี้แล้ว) ลงความเห็นว่าคงไม่ได้สำรวจกันมากกว่าเลยเหมาว่ามีที่เดียว ช่วงนี้ถ่ายรูปไปหลายรูปเหมือนกัน แต่อากาศเย็นน่าดู หมอกลงขาวไปหมด หมอปุ้มถ่ายไม่กี่รูปก็หลบไปอยู่ในรถ ใกล้ๆ กันมีศาลเจ้าพ่อภูคา เขาไปไหว้กัน เลยแซวหมอปุ้มให้บนเรื่องยากๆ ไว้ ถ้าสมหวังจะได้ขึ้นเขามาแก้บน

หลังจากนั้นก็กลับ รร.ที่พัก ชื่อ รร.ปาปัวรีสอร์ต เขาตกแต่งแบบจาวเหนือแต๊ๆ เตียงนอนยังเป็นแหย่ง (ตั่งที่ใช้นั่งบนหลังช้าง) ปูด้วยฟูกแข็ง นอนสบายดี หลังกินข้าวไม่มีอะไรทำ เลยไปรวมหัวกันเล่นไพ่ที่ห้องเอก แต่ไม่สนุกเพราะแพ้ตลอด เลยกลับไปนอนดีกว่า ยัยหมอปุ้มยังมีแรงดูถ่ายทอดโอลิมปิกต่อ

No comments: