Thursday, September 14, 2006

ทีลอซู-ทีลอเร (Part IV)

วันรุ่งขึ้นต้องปลุกตัวเองตั้งแต่ตี 5 เพราะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมดกัน อากาศตอนเช้าเย็นนิดหน่อย และมีหมอกเต็มไปหมด ดอยหัวหมดเป็นเนินเขาหัวโล้นแทบไม่มีต้นไม้ขึ้น ท้องฟ้ามีเมฆมากจนคิดว่าไม่น่าเห็นพระอาทิตย์ ซึ่งก็จริงดังคิด แต่ทุกคนก็ไม่เสียเที่ยวงัดเอากล้องมาถ่ายรูปกันอย่างเมามัน หลังจากกลับมาที่รีสอร์ทก็ได้เวลาอาหารเช้าก่อนจะล่องแพไปที่ทีลอซู ครั้งนี้ไม่ต้องผ่านแก่งเราจึงพกกล้องไปด้วยอย่างมั่นใจว่าไม่เปียกแน่ ระหว่างทางมีน้ำตกให้เห็นประปราย ที่ใหญ่หน่อยก็เป็นน้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกสายฝนที่ละอองน้ำสะท้อนกับแสงอาทิตย์เห็นเป็นสายรุ้งสวยมาก ส่วนที่เป็นหน้าผาริมน้ำส่วนใหญ่จะมีน้ำหยดลงมาและมีตะไคร่น้ำกับพวกกล้วยไม้เกาะอยู่จนเขียวครึ้มไปหมด ด้านบนหน้าผาก็เต็มไปด้วยต้นจันทน์ผา แหงนมองไปจึงเห็นแต่หินปูนสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีเข้ม บางครั้งก็มีฝูงลิงมาให้เห็น พวกเราแวะขึ้นฝั่งที่บ่อน้ำพุร้อน เลยลงไปแช่หัวเข่าที่ใช้งานหนักตั้งแต่เมื่อวานจนรู้สึกดีขึ้น ผ่านผาเลือดที่เนื้อหินเป็นสีน้ำตาล พี่แสงบอกว่าบางเดือนจะมีน้ำไหลออกมาจากหน้าผาเป็นสีแดงคล้ำ เอาไปกินบำรุงร่างกายได้ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นพวกธาตุเหล็กมากกว่า ขึ้นจากแพและกินข้าวเที่ยงกันที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าผาเลือด จากนั้นรถ vego เจ้าเก่าก็พาเราลุยทางดินลูกรัง (โชคดีมากที่นั่งหน้า) ประมาณ 7 กม. คนที่นั่งด้านหลังจะได้รับแจก mask แล้วจะเอาอะไรคลุมหัวคลุมตัวกันก็ตามสะดวก พี่ศรีคนขับบอกว่ารถจะวิ่งได้หลังหน้าฝนช่วงเดือน ธค. แต่ปีนี้ฝนน้อยเลยเปิดให้รถวิ่งได้ช่วงเดือน พย. เส้นทางที่นี่นับว่าสุดยอดคือชันและแคบแถมยังฝุ่นฟุ้ง แน่นอนหมอปุ้มเจ้าเก่าก็เวียนหัวอีกเช่นเคย กว่าจะไปถึงทีลอซูพวกที่นั่งข้างหลังก็มีสภาพใกล้เคียงกับหมูชุบแป้งโกกิสีตุ่นๆ ถัวเฉลี่ยกับความลำบากของพวกผู้หญิงตอนไปฉี่ในป่าก็แล้วกัน


ทางทัวร์กางเต้นท์รอพวกเราไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากรอให้หมูโกกิทั้งหลายล้างเนื้อล้างตัวกันเสร็จ พวกเราก็พากันเดินไปที่น้ำตกทีลอซู โชคดีที่ทางไม่ชันและระยะทางแค่ 1.5 กม. ขนาดไม่ใช่หน้าฝนที่น้ำเยอะๆ ที่น้ำไม่ไหลลงมาพร้อมกันหมด มองเห็นแค่เป็นน้ำหลายสายเทลงมาจากหน้าผา น้ำตกทีลอซูก็ยังยิ่งใหญ่อลังการมากๆ มีป้ายบอกไว้ว่าสูงถึง 400 เมตร และกว้างขนาดสนามฟุตบอลหลายสนามต่อกัน พวกเราแวะถ่ายรูปตามชั้นต่างๆของน้ำตก กว่าจะรวมตัวกันให้พี่แสงพาปีนสูงขึ้นไปก็นานโขอยู่

ขากลับแวะถ่ายรูปบัวผุดที่ขึ้นอยู่ตามทางเดิน แล้วก็ไปอาบน้ำที่ต่อท่อมาจากน้ำตก หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ พวกเรากับพี่ๆ IBM ที่เริ่มสนิทกันมากขึ้นก็ออกมานั่งคุยกันหน้าเต้นท์ มีพี่แสงหรือพ่อรพินทร์ของพวกเรามานั่งคุยด้วย ฟังแกเล่าประสบการณ์เป็นคนนำทางกันเพลิดเพลิน จนง่วงจึงได้แยกย้ายกันไปนอน

No comments: