Wednesday, September 13, 2006

แพร่-น่าน ล่องแก่งน้ำว้า (Part III)

เช้ากินข้าวแล้วก็กลับเข้าเมืองน่านอีก ไปไหว้พระธาตุแช่แห้ง ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าเรามาไหว้กันตั้งกะเมื่อวาน เพราะเป็นทางผ่าน แทนที่จะไปบ่อเกลือ วันนี้ยังมีเวลาเหลือไปเที่ยวที่อื่น

พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ แต่คณะเรารู้สึกจะไม่มีใครเกิดปีเถาะเลย ตอนไหว้พระธาตุเขาให้เดินเวียนขวา 3 รอบแล้วอธิษฐาน ตัวพระธาตุถูกฝังอยู่ใต้ดิน เลยห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปด้านใน (จะมีรั้วล้อมองค์พระธาตุไว้อีกชั้นหนึ่ง) ไกด์บอกว่าจะต่างกับพระธาตุภาคอื่นที่องค์พระธาตุอยู่ที่ยอดเจดีย์ ตัวเจดีย์พระธาตุแช่แห้งเป็นสีทอง ไปดูใกล้ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นแผ่นทองเหลืองหรือสังกะสีพ่นสีทอง ดูไกลๆ เหลืองอร่ามไปหมด แล้วก็ไม่ค่อยสกปรกด้วย (มั้ง) ไม่เหมือนเจดีย์ที่ก่อจากปูนทาสีขาว พอฝนตกแล้วจะมีคราบดำๆ เป็นทาง ก่อนถึงวัดพระธาตุมีบันไดพญานาคตัวใหญ่มาก แต่มีทางรถขึ้นอีกทางหนึ่งเลยไม่ได้ขึ้นบันไดด้านนี้ ว่าจะถ่ายรูปไว้ก็จนใจเพราะต้องลงบันได (สูงมาก) ไปถ่ายหัวพญานาค แล้วก็ไต่บันไดกลับมาที่รถ ที่ข้างนอกวัดขายน้ำมะไฟจีน ลองชิม (ของคนอื่นเพราะไม่ได้ซื้อ) ดู รู้สึกคล้ายๆ กินน้ำบ๊วย มีมะไฟแห้งขายด้วย แต่แพง เลยไม่ซื้ออีกเหมือนกัน แต่เขาบอกว่ามีขายที่นี่ที่เดียว คงเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศที่ใช้ปลูกแหละ

ออกจากวัดพระธาตุแช่แห้งก็เข้าไปวัดในเมืองน่าน ชื่อวัดภูมินทร์ อายุประมาณ 400 ปี โบสถ์มีประตู 4 ทิศแบบจัตุรมุข แล้วก็มีพญานาคเป็นฐาน ว่ากันว่าทำเป็นพญานาค 2 ตัวพยุงโบสถ์ไว้ในมหาสมุทร เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าพญานาคไม่ได้เป็นสัตว์น้ำจืดเรอะ ปลายหางของพญานาคทะเลเนี่ยจะต่างกับพญานาคที่เห็นๆ กัน เพราะว่าม้วนเป็นก้อนกลมเหมือนกองอึล่ะ เลยไปถ่ายรูปด้วย ถึงจะตัวไม่โตเท่าที่วัดพระธาตุก็เถอะ แล้วก็สงสัยว่า จ. น่านเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ทำไมต้องกลัวน้ำท่วมขนาดต้องเอาโบสถ์ไปไว้บนหลังพญานาค ที่จริงเราสนใจวัดฝั่งตรงข้ามมากกว่า ชื่อวัดช้างค้ำ มีโบสถ์ 2 หลัง หลังใหม่ก็สวย แต่หลังเก่าทำด้วยไม้แกะสลักทั้งหลังน่าดูมาก ทำไมไม่พาไปดูก็ไม่รู้ พวกจุ๋ยมันยังแซวว่า ค้ำอยู่วัดโน้นแล้วมา”ไมวัดนี้ ก็เลยไม่รู้ว่ามีช้างค้ำอยู่จริงหรือเปล่า

ออกจากวัดแล้วก็ไปแพะเมืองผี จ. แพร่ กินเวลา ชม. กว่าๆ ก็ไปถึงเนินดินทรายที่ถูกน้ำชะเป็นร่องริ้วๆ บางที่ก็ตั้งอยู่คล้ายตะปูตัวใหญ่ เขาบอกว่าแพะแปลว่าป่าละเมาะ เมืองผี คือความวังเวงเงียบสงบ พวกเราไปไต่ กองดินแล้วก็แอ็คท่าถ่ายรูปกันใหญ่ เราตะกายจนลื่นครั้งนึง เกือบทำแพะพังแน่ะ คิดว่าถ้าเจอฝนเรื่อยๆ ดินคงจะค่อยๆ พังตัว อีกหน่อยคงมีรูปร่างเปลี่ยนไป เพราะมีเนินดินเตี้ยๆ อยู่เต็มไปหมด เริ่มหิวข้าวแล้วก็เลยกลับไปที่รถ ยัยหมอปุ้มได้ไต่ไปไต่มาชักเริ่มคึก แต่แดดเริ่มร้อนแล้วกลัวดำเลยต้องจูงกลับ เดี๋ยวคุ้ยดินเขาพังหมด ที่ทางออกมี นศ. ป.โทของแม่โจ้ เขามาให้ทำแบบสอบถามเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ ให้ใส่ที่ๆ ประทับใจ จังหวัดละ 3 ที่ เลยลอกกันใหญ่ เพราะถึงเคยไปแต่มันนึกไม่ออกง่ะ แถมท้องยังหิวด้วย อ้อ เห็นคำขวัญ จ. แพร่ เขาเขียนเสื้อ “หม้อห้อม” แบบนี้ แปลว่าเราเขียนผิด เพราะเขียนเป็น “ม่อฮ่อม”
ไปกินข้าวที่ร้านบ้านฝ้าย อ. บ้านฝ้าย เป็นร้านใหญ่มาก เพราะห้องน้ำกับโต๊ะกินข้าวห่างกันเกือบร้อยเมตร กับข้าวอร่อยและมีกับข้าวพื้นเมือง เรากินเยอะมากเพราะไม่รู้จะได้กินมื้อเย็นเมื่อไหร่ แถมทัวร์ไม่ได้เลี้ยงอีกแล้ว และก็กะจะหลับยาวออมแรงไว้ขับรถกลับบ้าน

No comments: