Wednesday, September 13, 2006

ศิลาอิงวารี กาญจนบุรี (Part III)

หลังจากที่อาบน้ำกันเรียบร้อย และฟังทุกคนเล่าประสบการณ์กินน้ำกันแล้ว อาหารเย็นที่รออยู่อันประกอบด้วย น้ำพริกปลาทู ชะอมทอด ปลาแรดทอดกระเทียม เต้าหู้หมูสับ และต้มส้มปลาทู ก็ทำให้เราซึ่งดีขึ้นมากละเลียดเต้าหู้หมูสับพลางฟังคนอื่นๆ บ่นว่ากลุ่มโน้นคงครองไมค์คาราโอเกะ จนพวกเราไม่รู้จะทำอะไรกัน แต่ปรากฏว่ากว่าพวกเราจะกินอิ่ม (จนเกลี้ยง) เขาก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เลยเป็นโอกาสอันดีสำหรับแก๊งค์คาราโอเกะ (เฉพาะกิจ)
ไม่อยากจะเชื่อเลย ! ว่าทุกคนจะร้องเพลงเก่งกันสุดๆ โดยเฉพาะเอกที่ร้องได้ทุกแนว ตั้งแต่ชู้ทางใจ ดั่งเม็ดทราย ไปจนถึงเจ้าตากและหลวงพ่อคูณ ส่วนเอ๋ซึ่งมาแนวพลพลในระยะแรก พอมาเจอเจ้าตากก็พากันแปลงกายเป็น เอก AF4 และ เอ๋ V3 ทางด้านบรรดาสาวๆ อ๋อย พจ ปริญญ์ (ถ้าดึกกว่านี้อาจจะเป็น แอม แหม่ม ปุ้ม) ก็ร้องกันแบบเอามัน มีดำน้ำเป็นระยะ (แล้วอ้างว่ามองไม่เห็นตัวหนังสือ) เรียกว่าเดิมทีได้แต่บ่นกันว่าพวก ธ.กรุงเทพฯ ที่เอาเหล้ามากิน คงจะสร้างความรำคาญให้ กลับกลายเป็นว่าชนกลุ่มน้อยชาว พ.ป. นั่นเองที่เป็นตัวสร้างมลภาวะทางเสียง
เช้าขึ้นมาเราก็รู้สึกดีขึ้นมาก จนคิดว่าจะลากไปมุดถ้ำไหนๆ คงไหวแล้วล่ะ หลังข้าวต้มมื้อเช้า พวกเราก็ถ่ายรูปกันต่อ ทั้งกับกระเทียมหมา PR ประจำรีสอร์ท กับกองสัมภาระ (ที่ปริญญ์ request) จนเหนื่อย (ทั้งคนและหมา) ก็ได้เวลาที่จะออกรถไปท่าเรือกัน
มาถึงท่าเรือปากแซงก็มองเห็นว่าน้ำท่วมมาจนถึงถนน แถมยังไม่มีเรือออกไปที่ถ้ำซะอีก พวกเราเลยต้องบ่ายหน้าไปท่าเรือรีโซเทล ปรากฏว่าค่าเรือแพงมาก นั่งเรือแค่ 6 นาที คิดราคา 500 บาทแน่ะ เป้าหมายจึงต้องเปลี่ยนเป็นไปที่น้ำตกไทรโยคใหญ่กัน
ถึงฝนจะเริ่มตกตลอดทางก็ไม่สามารถขัดขวางเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของปริญญ์ที่จะเล่นน้ำตกได้ หลังจากกินข้าวในแพริมน้ำข้างสะพานแขวน พวกเราเลยต้องปล่อยให้ปริญญ์ไปเล่นน้ำ โดยเอ๋ตามไปเป็นการ์ด พอได้เวลาอันสมควร (คิดว่า) เอ๋คงจะลากกลับมา ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะกลับกันซะที
หลังจากอับเฉารถ 3 สาวด้านหลังบอกว่าจะหลับ และเนวิเกเตอร์เอ๋ก็ถามอย่างจริงจังเอากับเอกว่ากลับถูกแล้วใช่มั๊ย พร้อมทั้งขยับท่านั่งให้สบายขึ้น คนขับก็ได้แต่ทำตาปริบๆ แต่ก็เปิดเพลงแบบที่พวกเราหลับกันไม่ลง เช่น สาว สาว สาว (ของเอก) หนุ่มเสก (ของปริญญ์) และเปาบุ้นจิ้น, เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (ของเอก) ให้ทุกคนพากันร่วมร้องประสานเสียง ทำเอาเราเริ่มสงสัยรสนิยมของเพื่อนๆ (และของตัวเอง) ขึ้นมารำไร
รถมาจอดอีกทีเพื่อแวะซื้อของฝากที่ร้านวิมล จากนั้นเอกก็เอาทุกคนไปปล่อยไว้ในรถเราที่ศิลปากร (เพราะจะรีบไปดูหมอโฮจุน) ก็ถึงตาเราบ้างที่ต้องไปส่งเอ๋ อ๋อย ส่วนปริญญ์ติดรถไปลงที่ท่านา กลับถึงบ้าน 18.30 น. ใช้เวลาท่องเที่ยวทั้งหมด 35 ชั่วโมง 30 นาที ค่าใช้จ่าย 1,464 บาท

No comments: