Saturday, October 04, 2008

บ้านผางาม 27 - 28 ก.ย. 51

บันทึกท่องเที่ยว บ้านผางาม จ.ปราจีนบุรี 27 – 28 ก.ย. 51

พวกเราประกอบด้วย เรา อ๋อย พี่ยี้ เอ๋ และจุ๋ย ออกเดินทางด้วยรถเราเอง เนื่องจากคราวนี้เป็นรถเกียร์ธรรมดา เลยมีแต่คนขับที่ 1 (เราเอง) ไม่มีคนขับที่ 2 ตัวสำรองเหมือนทริปอื่นๆ เพราะสมาชิกคนอื่นใช้รถเกียร์ออโตกันหมด แต่จริงๆ แล้วทุกครั้งเจ้าของรถก็มักจะขับเองคนเดียวน่ะแหละ

เริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า โดยเราไปรับจุ๋ยที่บ้าน มีแม่จุ๋ยออกมาส่งลูกชายสุดที่รัก จากนั้นก็ไปแวะรับอ๋อยที่โรงงาน โดยเจ้าตัวตื่นเต้นที่จะไปเที่ยวจนไม่กล้ากลับบ้าน ...เปล่า...จริงๆ มีงานเลี้ยงต่อเนื่องจนไม่กลับจะดีกว่า จากนั้นก็ขึ้นทางด่วนไปรับเอ๋และพี่ยี้ที่บางนา

พอสมาชิกครบ มติแรกที่ทุกคนเห็นพ้องด้วยก็คือ เราจะไปกินข้าวเช้ากัน แถว ม.รามฯ 2 ตามที่พี่ยี้แนะนำ เราได้ร้านโจ๊กต่างชาติ (ดูจากเด็กเสริฟ) รสชาติใช้ได้ สังเกตจาก 5 คน 6 ชาม กล้วยปิ้ง และปั้นขลิบอีกอย่างละถุง

หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านผางาม จุดหมายของทริปนี้ อ๋อยยังคงทำหน้าที่เป็นพระประธานหน้ารถ เอ๊ย เนวิเกเตอร์เช่นเคย เราใช้เส้นทาง Motorway ออกทางฉะเชิงเทราผ่านวัดโสธรไปเข้าถนน กบินทร์บุรี-โคราช กว่าจะไปถึงก็ 12.30 น. กินข้าวเที่ยงพอดี

บรรยากาศที่พักดีมาก ดอกไม้บานเต็มสวน ที่พักของพวกเราอยู่ริมผา ชื่อบ้านพราวหมอก1 ทั้งหลัง มี 2 ห้องนอน สาวๆ นอนห้องที่มีเตียงเสริม ส่วนจุ๋ยกับเอ๋ได้ห้องเตียงคู่ ทำเอากองเชียร์พากันเซ็ง คิดว่า 2 หนุ่มจะได้เตียงเดี่ยวคิงไซส์เหมือนกับที่จองไว้ในงาน (แต่เป็นบ้านพราวหมอก 2 ที่อยู่คนละหลัง) มองดูคร่าวๆ เห็นมีคนเข้าพักเต็มทีเดียว ส่วนห้องอาหารจะเป็นอาคารที่อยู่สูงขึ้นไป วิวสวยจนต้องถ่ายรูปส่งไปอวดพวกตกทริปทางโทรศัพท์ (เสียดายหมอปุ้มกำลังเศร้าที่หมาตาย เลยไม่อิจฉาๆๆๆๆ เท่าที่ควร)

เห็นอ๋อยกินข้าวเที่ยงนิดเดียว เลยต้องถามตามประสาคนขับว่าเมารถป่าว แต่อ๋อยบอกว่าอาหารไม่อร่อยเท่าไหร่ (ทั้งที่เพื่อนคนอื่นก็กินได้กินดีเหมือนเคย) ขนของเข้าบ้านเสร็จแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวไปร่วมกิจกรรม adventure ของบ้านผางาม พอเห็นเครื่องเล่นแต่ละอย่าง จุ๋ยก็ส่ายหน้า ยกเลิกไปเป็นคนแรก สมาชิกที่เหลือเลยพร้อมใจกันยกตำแหน่งช่างภาพให้ ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวอิดออดเตรียมไปนอน

เนื่องจากคนเริ่มเยอะ เพราะมีรถบัสทยอยเข้ามา แถมยังเจอคนรู้จักเข้าอีก พวกเราเลยรีบไปเข้าคิวเครื่องเล่น แต่ก็สู้จำนวนคนจากบริษัทต่างๆ ไม่ไหว เจ้าของก็เลยจัดให้เราไปเล่นทาร์ซานทัวร์ ที่ต้องขึ้นรถเข้าไปในป่ากันก่อน เจ้าหน้าที่ที่รอพวกเราอยู่อธิบายการเล่นโดยให้ลองไถลตัวไปกับเชือกสลิง ใช้มือข้างนึงบีบเชือกด้านหลังไว้เป็นเบรก ส่วนมืออีกข้างจับเชือกที่คล้องตัวเองไว้กับรอก เรา เอ๋ และพี่ยี้ซ้อมไถลตัวกันอย่างแคล่วคล่องตามประสาธิดาวานร!?! ส่วนอ๋อยซ้อมรอบ 1 ผ่านไป จนรอบ 2 เจ้าตัวก็ส่ายหัวดิก ถอนตัวไปอีกคน ปล่อยให้จุ๋ยที่ถ่ายรูปให้ตอนซ้อม หัวเราะคึ คึ

ทาร์ซานทัวร์เป็นเชือกสลิงที่พาดผ่านยอดไม้ไปทั้งหมด 4 ทอด แต่ละทอดจะมีบ้านบนต้นไม้และเจ้าหน้าที่คอยคล้องรอกให้พวกเรา โดยทอดแรกจะสูงชันที่สุด เราไถลตามเอ๋ และพี่ยี้ไป (ต้องไปถึงทีละคน) แบบไม่ค่อยคิดจะเบรก เลยไปชนโฟมที่กันกระแทกดังตึ้ง ทีแรกนึกว่าจะแถเข้าไปอัดกับต้นไม้เต็มๆ ซะแล้ว คนที่คอยดูอยู่ถึงกับหลบไปกันคนละทาง (มี 2 คน) พอคล้องรอกทอดที่ 2 เสร็จ เจ้าหน้าที่ก็บอกเราว่า เที่ยวนี้ไม่ต้องเบรกมากนะครับพี่เพราะมันไม่ค่อยชัน ทำเอาอีกคนมองค้อน บอกว่าพี่เค้าก็ไม่เบรกอยู่แล้วล่ะ

ไปจนถึงที่สุดท้ายก็มีรถมารอรับพวกเราอยู่ กว่าจะกลับขึ้นมาถึงจุดแรกก็ไกลโข พอผ่านตรงที่จุ๋ยกับอ๋อยอยู่ พวกเราก็เริ่มโวยวาย (มีทีมอื่นนั่งรถมาด้วยอีก 3 คน เต็มรถพอดี) จนลุงคนขับ..เพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ท บอกว่าเดี๋ยวมารับอีก จากนั้นพวกเราก็ไปต่อคิวเล่นผางามลอยฟ้า ที่คล้ายกับทาร์ซานทัวร์ แต่ความสูงน้อยกว่าและเล่นทอดเดียว งวดนี้ไม่ต้องเบรกเอง แค่เอามือจับที่จับเอาไว้ก็ไปได้แล้ว อ๋อยเลยยอมเล่น มีจุ๋ยทำหน้าที่ตากล้องเหมือนเดิม เราเล่นคู่ขนานไปกับอ๋อย โดยทีแรกอ๋อยนำไปลิ่ว แต่ก่อนจะถึงปล่อยให้ด้านเราแซงไปได้ เอ๋เลยใช้ความรู้ทางวิศวะอธิบายว่าจริงๆ แล้ว g เท่ากัน แต่ m มันไม่เท่ากันพอความชันน้อยลง v เลยไม่เท่ากันง่ะ

ตอนนี้เครื่องเล่นที่คิวยาวที่สุดคือเหิรฟ้าผางาม หรือ sky coaster ที่เป็นชิงช้าสลิงเหวี่ยงไปมา สูง 15 เมตร เหลือแค่พจกับเอ๋ ที่ยังยืนยันเล่นต่อ แต่ก็ไหนๆ แล้ว ไปต่อคิวปีนผาจำลองเล่นคอยไปพลางๆ ก่อนจะดีกว่า จนเกือบจะได้เล่น ฝนก็ตกลงมาหนักทำเอาทุกคนต้องเลิกไปตามๆ กัน พอดีกับทางรีสอร์ทเริ่มแจกบาร์บีคิวมาให้ย่างกันเอง แบบนับจำนวนคน คนละ 3 ไม้พอดี พอฝนหยุดเราก็ไปต่อคิวเหิรฟ้าผางามกันต่อ ไม่นึกว่าแถวเดิมจะยังอยู่โดยหลบร่มกันแบบไม่กลัวเปียก คราวนี้เลยจำใจต้องไปนั่งกินบาร์บีคิว ก่อนจะโดนเพิกถอนสิทธิ์ตามที่จุ๋ยขู่ไว้

รีบกินแล้วก็รีบมาเข้าคิวต่อ แบบตั้งใจจะเล่นจริงจริ๊ง ปล่อยให้อ๋อย จุ๋ย พี่ยี้ นั่งดูอยู่บนห้องอาหาร ระหว่างรอก็ชวนเอ๋คุยไปพลางๆ ว่าเอ๋อย่าไปทำสาวแตก (แบบคนที่เล่นก่อนหน้า) นะ เอ๋เลยบอกจะหุบปากให้แน่นๆ ดังนั้นพอถึงตาเอ๋เลยไม่ได้ยินเสียงซักแอะ แต่ดูเอ๋เล่นแล้วเหมือนคนเอาตุ๊กตาพีน๊อคคีโอไปแขวนห้อยต่องแต่ง เพราะแขนขาเอ๋แกว่งไปแกว่งมาจนกลัวว่าจะหักหลุดลงมา พอถึงตาเราบ้าง ได้แต่ร้อง “สู้โว้ย” อยู่ในใจ จากนั้นสลิงที่คล้องบ่าและเอวก็ค่อยๆ ยกเราลอยขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น (ประมาณ 15 เมตรน่ะแหละ) มองดูอยู่หลายทีแล้วว่าสลิงขาดออกจากกันจนเหลือเส้นเดียว คือเส้นที่แกว่งตัวคนอยู่ได้ยังไง ก็ได้คำตอบว่ามียางยืดเส้นเล็กๆ เกี่ยวอยู่ถ้าสลิงยึดกันเป็นเส้นตรงได้แป๊บนึง ยางยืดก็จะขาดออก เหวี่ยงเราไปตาม m วูบเดียว แล้ว m ก็พาเรากลับมา ตอนสลิงขาด ก็เสียวอยู่หรอก แต่พอแกว่งไปแกว่งมาชักจะสนุก เอ๋บอกให้คิดซะว่ากำลังทำพิธีตรียัมปวาย โล้ชิงช้าอยู่ ตอนหลังพี่ยี้ที่รออยู่ข้างล่างเล่าให้ฟังว่า คนอื่นที่รอคิวอยู่ บอกว่า เอ๋ไม่ร้องซักแอะ ส่วนพจก็กรี๊ดมาคำเดียวแล้วก็เงียบ...ทีมนี้พิลึกจริงๆ

พี่ยี้มารอข้างล่างเพราะจะชวนไปผจญภัยด่านน้ำหรือ water challenge กันต่อ พวกบ้าพลังทั้ง 2 ก็เลยเดินตามกันไปอย่างไม่ย่อท้อ ที่ด่านน้ำเหลือคนน้อยแล้วเพราะพวกเราไปเสียเวลารอเล่นเหิรฟ้ากันซะนาน พวกเราก็เลยได้เดินบนเชือกเส้นเดียวในน้ำ (มีเชือกอีก 2 เส้นให้เกาะ) วิ่งบนแผ่นโฟมลอยน้ำ หลังจากนั้นก็ช่วยกันลากแพโฟมไปจนถึงกลางน้ำ แล้วว่ายน้ำไปที่ตลิ่งกันต่อ จากนั้นก็โหนสลิงลงน้ำ (ที่ด่านนี้มือพจหลุดจากที่จับตั้งแต่แรกเลยต้องว่ายน้ำจากฝั่งนึงมาอีกฝั่ง) จนเหลือกระโดดน้ำจากเรือจำลองที่สูงทีเดียว ทีแรกพวกเราก็ว่าจะไม่เล่น แต่พอผ่านมาจนถึงนี่แล้ว ก็กลับใจชวนกันไปโดดต่อหน้าตาเฉย มีเอ๋นำทีมแบบแมนๆ และว่ายน้ำไม่เป็น บีบจมูกโดดลงไปก่อน ตามด้วยพจที่ขอทางวิ่งเป็นรันเวย์พิเศษตามลงไปแบบน้ำบาน สุดท้ายพี่ยี้กางแขนหมุนตัวลงไปอย่างสวยงาม ทำเอาเจ้าหน้าที่ผางามจำทีมคุณวนิดาได้แม่นยำ

อาบน้ำอาบท่าเตรียมไปกินข้าวเย็นแบบไม่ค่อยมีเวลาได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ ช่วงกินข้าวก็มีโชว์ที่ทีมงานผางามเตรียมไว้ให้พวกเรา นำทีมโดยฝาแฝด เอ - บี ลูกชายเจ้าของรีสอร์ท ที่ลงแรงตั้งแต่รับจองแพคเกจในงานไทยเที่ยวไทย ดูแลกิจกรรมแต่ละอย่าง แล้วยังทั้งร้องทั้งเต้นโชว์ในช่วงอาหารค่ำด้วย โดยเฉพาะเพลงตะลึงตึงตึง ที่ทุกคนปรบมือกันดังลั่น จากนั้นก็เป็นการคาราโอเกะของแต่ละโต๊ะ โดยพวกเราแปลงกายเป็นตัวนางอายขอบายทั้งที่ลุงเจ้าของมาคะยั้นคะยอ.......ฟังคนอื่นร้องเพราะกว่าเป็นไหนๆ

ก่อนจะถึงเวลาโชว์กระบองไฟ พวกเราก็ลงมานั่งทางด้านล่าง เห็นมีรูปกิจกรรมที่เล่นไปเมื่อตอนบ่ายให้สั่งเป็นโปสการ์ด หรือทำเป็นซีดี แต่ยังไม่ทันได้ดู พอ 2 ทุ่มก็ได้เวลาโชว์ ไม่คิดว่า เอ บี จะทุ่มเทร่วมโชว์ด้วย เลยแซวจุ๋ยไปว่าถ้าจะทำรีสอร์ทบ้างต้องลงมาถึงลูกถึงคนแบบนี้บ้างนะ ก่อนโชว์อุตส่าห์แซวพี่ยี้ค่อยๆ ว่า นมน้องบีท่าทางจะใหญ่กว่าพี่ยี้ซะอีกนะ แฝดน้อง (คนอ้วนกว่า) เลยบอกกับผู้ชมว่าดูกระบองไฟคร๊าบ อย่ามัวดูนมผม (ไม่รู้ว่าได้ยินป่าวดิ) โชว์แบ่งเป็นการแสดงพ่นไฟ กระบองไฟ และโซ่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นมีให้ถ่ายรูปร่วมกับผู้แสดง พวกเราเห็นท่าทางจะคิวยาวเลยกลับบ้านพักไปเม้าท์กันต่อ แล้วค่อยแยกย้ายกันไปนอน โดยคืนนี้พี่ยี้เป็นผู้เสียสละนอนเตียงเสริม

เช้าขึ้นมาได้ยิน 2 เสียงฟ้องมา คือ อ๋อยนอนละเมอ และพี่ยี้นอนละเมอ ออกไปดูทะเลหมอกก็เห็นอยู่ไกลๆ เลยตัดสินใจอาบน้ำก่อน ปล่อยให้เอ๋ อ๋อย พี่ยี้ ออกไปถ่ายรูปยามเช้า ส่วนคุณชายจุ๋ยก็ยังไม่ตื่น ออกมาที่ระเบียงหน้าห้องอีกครั้ง หมอกก็คลุมหน้าบ้านจนหมดแล้ว ทีนี้เลยต้องเดินลุยหมอกกับจุ๋ยไปตามหาพรรคพวกที่เหลือ ที่ไปกันจนถึงด่านน้ำ จากนั้นอาหารเช้าที่เป็นข้าวต้มเครื่อง และปาท่องโก๋สุดอร่อย ก็ทำเอาทีมเราเงียบเสียงกันไปได้พักใหญ่ ก่อนที่เราจะโทรไปยืนยันล่องแก่งหินเพิง ที่ต้องขับรถกลับไปทางอำเภอนาดีอีก 1.5 ชั่วโมง

พวกเราสั่งไฟล์รูปเสร็จ ก็อำลาบ้านผางามตอน 9.00 น. กว่าจะไปถึงที่ทำการแก่งหินเพิงก็ 10.30 น. ก่อนถึงเล็กน้อยเอ๋ก็บอกว่า “พจ บอกอ๋อยได้หรือยังว่าเราต้องเดินขึ้นไปต้นน้ำก่อน (เป็นระยะทางหนึ่ง) ถึงจะล่องแก่งกันได้” ทำเอาอ๋อยหันขวับมามอง พร้อมกับสรรเสริญว่า นึกแล้ว มันต้องบอกความจริงมาไม่หมด เราเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ แก้ตัวว่า อาหารเช้านี้เลยปล่อยให้อ๋อยกินเต็มที่ไง จะได้มีแรง........

โอมแนะนำเจ้าของแพยางล่องแก่งมาชื่อพี่หงส์ ซึ่งพอมาถึงก็ได้พี่บุนนาคมาช่วยดูแล ให้พวกเราเดินกันไปก่อนในระยะทาง 2.5 กม. แล้วคนพายจะแบกแพตามมาทีหลัง แค่ไม่ถึงครึ่งทางก็ตามทัน เราปล่อยให้อ๋อยเดินนำแบบเงียบเชียบและปล่อยรังสีอำมหิตไปตลอดทาง คนพายเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่มีข่าวน้ำท่วมก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำเยอะก็จะล่องแก่งสนุก และถ้าพวกเรามากันตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วน้ำก็จะเยอะมากๆ ตอนนี้น้ำที่มีก็ทำให้ความแรงของแก่งอยู่ที่ระดับ 3 – 4

ลงแพได้อ๋อยก็จับจองกลางแพและจับเชือกด้านข้างแพไว้แน่น เรากับจุ๋ยที่พายเรือเป็นนั่งคัดท้าย หัวเรือมีเอ๋กับพี่ยี้ ส่วนพี่คนพายหลักนั่งด้านหน้าคนนึง หลังอีกคนนึง แล้วพวกเราก็ไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ มีแก่งให้ตื่นเต้น 3 – 4 ครั้ง พวกเราซื้อแพคเกจรูปถ่ายล่องแก่งเอาไว้ด้วย เลยมีคนคอยถ่ายรูปให้ที่แก่งลูกเสือ ทุกคนแสดงความเป็นมืออาชีพ หยุดพายแล้วพากันยิ้มให้กล้องกันหมด ท้ายๆ คนพายยังบอกให้พวกเราลองลงน้ำไปล่องแก่งสไลเดอร์ที่น้ำไม่แรงนัก ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน เพียงครู่เดียวก็เหลือแค่อ๋อยอยู่บนแพ...อิ อิ

ส่วนพวกเราที่ลงไปเริงร่ากันในน้ำ ก็สำลักน้ำกันเล็กน้อยในแก่งจากนั้นก็ไหลไปตามน้ำอย่างเฮฮากันจนจะขึ้นแพ เราเคยตะกายขึ้นตอนล่องแก่งน้ำว้าและยังจำได้อยู่ว่าเหนื่อยแทบแย่ แต่คนพายบอกว่าให้จับชูชีพไว้ให้แน่น หันหลังชนแพ จากนั้นก็หิ้วทั้งคนทั้งชูชีพตรงบ่าขึ้นมาได้หน้าตาเฉย (หิ้วเราปลิวด้วย) ส่วนพี่ยี้โดนแกล้งหิ้วแบบไม่ขึ้นหลายๆ ครั้ง จนโดนแซวว่าตัวหนักกว่าพจอีกเหรอเนี่ย พี่ยี้กลับบอกว่าสนุกดีได้แกว่งๆ ในน้ำ เลยโดนจุ๋ยจิกว่าเหมือนซักผ้าขี้ริ้วใช่มั๊ย และเอ๋ที่ลอยตามมาหลังสุด ไม่มีทีท่าว่าจะว่ายมาถึงแพ จนเกือบจะโดนเอาไม้พายเขี่ยเข้าแพซะแล้ว ระยะทาง 5 กม. ทางน้ำใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ก่อนถึงปลายทางพวกเราได้ลงน้ำกันอีกครั้ง คราวนี้เอ๋ขอนั่งเป็นเพื่อนอ๋อย ปล่อยให้เรา 3 คน ลอยคอเข้าฝั่ง มีคนคอยดูอยู่ กระทั่งถ่ายรูปไว้ (เหมือนตัวประหลาดยังไงก็ม่ายรู้) แต่ก็ถามกันหลายเสียงว่าสนุกมั๊ย เพื่อที่จะได้ไปล่องแก่งบ้าง

เราเสียเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักนึง ก่อนจะให้พี่บุนนาคแนะนำร้านอาหารมื้อเที่ยงให้ พี่บุนนาคเห็นหน้าหิวโหยของพวกเราแล้วก็แนะนำร้านครัวอากู๋ อยู่ที่ อ. นาดี และร้านบ้านเนินน้ำ ที่แยกกบินทร์บุรี มติของสมาชิกให้เลือกเอาที่ใกล้ที่สุดเพราะใกล้จะบ่ายแล้ว แต่เราก็เลี้ยวผิดแยก ไปออก อ. กบินทร์บุรีแทนโดยไม่ผ่านนาดี และหลงไปหลงมาอีกนิดหน่อย กว่าพวกเราจะได้กินข้าวที่บ้านเนินน้ำได้ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงครึ่ง โชคดีที่อาหารอร่อยเลยไม่มีเสียงบ่นที่ได้กินข้าวช้า หลังจากแวะซื้อของฝากรายทาง อย่างข้าวโพดแปดแถว (เรานับดูได้ 10 แถวแน่ะ) หรือทับทิมหวาน เราก็ขับกลับมาเรื่อยๆ หลงนิดหน่อยแถววัดโสธร แวะส่งพี่ยี้กับเอ๋ตอนฝนตกหนักที่บางนา แล้วก็ลุยฝนผ่านพันธมิตรมาส่งเพื่อนๆ จนครบ ถึงบ้าน 20.00 น. ค่าใช้จ่ายต่อคน 3,360 บาท