Thursday, August 07, 2008

ภูชี้ฟ้า (Part VI - end)

น้องอรนัดเราเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งในการออกจากสวนแม่ฟ้าหลวง แต่ตอนนี้เหลืออีกแค่ 10 นาทีก็ถึงเวลานัดแล้ว จึงโทรไปขอเพิ่มเวลาอีก 15 นาที และเวลาที่จำกัดนี้จึงเป็นตัวกำหนดในรูปแบบการชมสวนแม่ฟ้าหลวงของพวกเรา จากที่ควรเดินชมสวนอย่างช้าๆแล้วค่อยๆซึมซับความงามของดอกไม้ เรากลับต้องวิ่งชมสวน เรียกว่าไม่ต่างจากแข่งแรลลี่ โดยมีอาร์ซีเป็นภาพถ่ายกับดอกไม้งามๆ ซึ่งงานนี้อ๋อยกับพจขอบาย แม้ว่าเวลาจะมีจำกัดเพียงใด เราก็เดินสลับวิ่งกันจนรอบสวน ขาทำงานแข่งกับเวลา ส่วนสองสายตานั้นก็เก็บภาพความงามของมวลดอกไม้ หลากสี หลากพันธุ์ โดยมีลำธาร สายน้ำ กระถางต้นไม้ ก้อนหิน ไม้ไผ่ และเรือลำน้อย มาร่วมผสมแต่งแต้มความงาม และสุดท้ายกับประติมากรรมความต่อเนื่อง ของเด็กน้อยทั้ง 17 คนที่ร่วมกันต่อตัวเพื่อเอื้อมไปไขว้คว้าความฝันที่อยู่สูงกว่าความสามารถของคนเพียงหนึ่งคนจะทำได้ แต่ไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับความสามัคคีที่เกิดจากความร่วมใจของทุกคน

ลงจากดอยตุง พี่วิเชียรก็ตรงเข้าปั๊มน้ำมันทันที โชคดีนะที่น้ำมันไม่หมดบนดอย หลงทางบนดอยตุงแล้วต้องหลงทางในการไปวัดร่องขุนกันอีก ทั้งๆที่อรได้แผนที่มาจากพี่ตี๋แล้ว ก็ยังหลง แต่ครั้งนี้เป็นเพราะแผนที่เขียนผิด ให้เลี้ยวขวาตรงทางแยกแม่กรณ์ แต่จริงๆคือเลี้ยวขวาทางแยกเข้าน้ำตกขุนกรณ์ ซึ่งมองเห็นสีขาวสะอาดของพระอุโบสถได้จากทางแยก

วัดร่องขุ่นนั้นยังสร้างไม่เสร็จอย่างสมบูรณ์ แต่แม้ยังไม่เสร็จก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก เพราะถึงยังไม่เสร็จก็ปรากฎให้เห็นถึงความงามของพระอุโบสถที่มีความแปลกไปจากทั่วไป ด้วยเป็นสีขาวทั้งหลังและประดับริ้วลายด้วยโลหะสีเงิน แต่ที่สำคัญคือดูเหมือนภาพวาดของปราสาทในสรวงสวรรค์ เนื่องด้วยเป็นฝีมือ ความคิดและแรงบันดาลใจในธรรมะของอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นักวาดรูปที่โด่งดัง ในสไตล์ดูรูปวาดไป ต้องใช้เสียงเพื่อปลุกอารมณ์ในการดู

เดินผ่านทางเดินด้านหน้าต้องผ่านขุมนรกก่อนเพื่อขึ้นไปสู่พระอุโบสถที่เปรียบดั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ สำหรับพระประธานภายในก็แปลก เพราะมีถึง 3 องค์ซ้อนกัน เป็นเริ่มจากพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปางสมาธิ และด้านหลังเป็นภาพวาดพระพุทธขนาดใหญ่ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยกำหนดไปมากแล้ว กลุ่มเราก็ยังแวะไปชมภาพวาดของอ.เฉลิมชัย ซึ่งเป็นภาพพิมพ์จากภาพต้นฉบับ แต่เป็นการพิมพ์ที่มีคุณภาพทำให้ความงามของภาพมิได้ลดลง ภาพส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแนวคิดแห่งพระพุทธศาสนา รายได้ที่ได้จากการขายภาพก็เพื่อนำมาสร้างวัดแห่งนี้ให้แล้วเสร็จ และเพราะเวลาที่เปลี่ยนไปจากการที่หลงบนดอยตุง ทำให้เรามาถึงวัดร่องขุ่นช้ากว่ากำหนด จึงออกจากวัดช้ากว่ากลุ่มอื่น และนั้นเป็นเหตุให้เราโชคดีได้พบอ.เฉลิมชัย ซึ่งออกมาคุยกับแขกสนิท แต่เมื่อออกมาแล้วมีหรือผู้ที่มาเที่ยวจะไม่ขอถ่ายรูป มีคนรอถ่ายรูปกันมาก แถมอาจารย์ไม่ยอมให้คนที่มาต่างคณะกันถ่ายรวมกัน จึงทำให้คิวการถ่ายรูปยาวเหยียด แต่ไหนๆก็มีโอกาสแล้ว การรอจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แล้วกลุ่มเราก็ได้ถ่ายรูปกับอาจารย์ก่อนที่จะลาจากจ.เชียงรายในครั้งนี้

การเดินทางกำลังจะปิดฉากลง แต่หากเป็นการปิดฉากที่งดงามของภาพท้องน้ำกว้างใหญ่ที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าที่กว๊านพะเยา พร้อมด้วยอาหารมื้อค่ำที่ร้านอาหารริมกว๊าน หากเส้นทางแห่งทะเลหมอกและดอกไม้ในการเดินทางครั้งนี้ นำมาซึ่งความเย็นลึกในใจและคุณค่าของการมีชีวิตที่ได้พบความงดงามจากสิ่งรอบข้างแล้ว ความเป็นเพื่อนและความผูกพัน คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรื่องราวในการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้น และยังคงเป็นเรื่องราวแห่งบันทึกหน้าหนึ่งในความทรงจำ…ขอบคุณภาพความงดงามที่ผ่านมาให้ตาได้เห็น ให้ใจได้สัมผัส และขอบคุณที่เราได้เป็นเพื่อนกัน

วันที่เดินทาง : 10-12 ธันวาคม 2548
เพื่อนร่วมทาง : เอก อ๋อย พจ ปริญญ์ วุฒ
บันทึกการเดินทางโดย : วีรศักดิ์ เทียนธนะวัฒน์

No comments: