จากความตั้งใจที่เกินล้น ในการไปเขาสก แต่ถูกมรสุมแห่งลมฝนพัดความตั้งใจนั้นให้หมดสิ้น จนต้องเปลี่ยนเป็นการขึ้นเหนือซึ่งมีเวลาตั้งสินใจเพียงแค่ 1 วัน น้อยมากหากเทียบกับเขาสก ซึ่งคุยกันมาหลายเดือน หรือหากย้อนกลับไปในนัดหมายครั้งแรกก็ตอนเดินกลับจากทีลอเร นั้นก็กินเวลากว่า 1 ปี แต่ชีวิตก็อย่างนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่เราไม่ได้ตั้งใจก็นำพาความสุขและความทรงจำที่ดีมาสู่เราได้อย่างที่เกินคาดคิด โดยเฉพาะมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่ผ่านพ้นไปกว่าสิบปีก็มิได้จางหายไปเลย
รถตู้จำนวน 4 คันเคลื่อนตัวจากสนามเป้า บ่ายหัวขึ้นเหนือสู่จ.พะเยา ไม่สบายเอาเสียเลยกับการที่ต้องหลับบนที่นั่งในรถตู้ ซึ่งมีความกว้างของเบาะไม่มาก แถบยังค่อนข้างแคบสำหรับคนที่ขายาวเช่นผม ซึ่งนั้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผมนอนไม่หลับเอาเสียเลย จนถึงนครสวรรค์ที่วุฒ เพื่อนใหม่ซึ่งพลัดหลงมาเพียง 1 คนในการร่วมเดินทางในรถตู้คันที่ 4 ซึ่งมีกลุ่มเราถึง 5 คน ตัดสินใจย้ายไปนั่งเบาะหลังคนเดียว แต่นั้นหมายถึงได้นอนยึดทั้ง 3 เบาะ ทำให้ผมและเอกยึดที่นั่งริมหน้าตาคนละมุม ส่วนปริญญ์ อ๋อยและพจ 3 สาวยังคงนั่งเบียดกันอย่างอบอุ่นที่เบาะหน้าไปตลอดทาง(แบบนี้สิ ถึงเรียกว่าผู้หญิงแถวหน้า)
ตื่นอยู่หลายครั้งเพราะรถจอดให้เข้าห้องน้ำอยู่หลายหน ทำให้ผมหลับสลับตื่นไปจนถึงอ.เชียงคำ จ.พะเยา เราผ่านวัดพระนั่งดินตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่คงเช้าเกินไปที่จะเข้าไปในวัด รถจอดให้ล้างหน้าล้างตากันที่ปั๊มน้ำมัน แต่ห้องน้ำที่มีเพียง 2 ห้องดูจะน้อยเกินไปสำหรับคนในรถตู้ซึ่งมากันถึง 4 คัน จึงมีบางคนตัดสินใจไม่ทำอะไรนอกจากยืนอยู่เฉยๆ ซึ่งนั้นมีผมกับเอกรวมอยู่ในนั้น
อาหารเช้าที่อ.เชียงคำนั้น ทีมงาน TKT จัดให้ง่ายๆ คือข้าวมันไก่ เวลาผ่านไปพอสมควรซึ่งสายพอที่เราจะได้เที่ยวชมวัดพระนั่งดิน ภายในพระอุโบสถของวัดนี้มีพระประธาน ซึ่งมีลักษณะแปลกกว่าพระพุทธรูปทั่วไปจน ททท. จัดให้เป็นหนึ่งในโครงการ Unseen เนื่องด้วยพระเจ้านั่งดินนั้นมิได้ประดิษฐานบนฐานชุกชีที่สูงและสวยงามอย่างพระประธานทั่วไป แต่กลับประทับอยู่บนพื้นดินมาหลายร้อยปี แม้จะมีคนสร้างฐานชุกชีให้แต่ก็ไม่สามารถยกองค์พระขึ้นจากพื้นดินได้ ตำนานนี้จะจริงเท็จแค่ไหน หรือบางทีอาจจะมีนัยสำคัญที่ให้ข้อคิดถึงการดำเนินชีวิต ที่อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น ให้มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายและติดดิน
เนื่องด้วยในอ.เชียงคำนั้นมีชาวไทยเชื้อส่ายไทยลื้ออยู่มาก ที่นี้จึงมีวัดงามๆที่สร้างด้วยศิลปะไทยลื้อให้ได้ชม เราไปกันที่วัดนันตาราม ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับร้านข้าวมันไก่ จึงได้รู้ว่าบรรดา 3 สาวได้แอบไปเที่ยวกันมาแล้วในช่วงหลังอาหารเช้า อุโบสถไม้สักทั้งหลังที่ตกแต่งด้วยลวดลายฉลุและการเหลื่อมซ้อนกันหลายชั้นของหลังคาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหน มองกลับมาที่อุโบสถโดยเฉพาะที่หลังคาก็พบกับความงามที่แตกต่างมุมมองกันไป ภายในอุโบสถประดิษฐานพระแสนแซ่ พระพุทธรูปที่ทำจากไม้จามจุรีที่งดงามที่สุดในเมืองไทย ด้านหลังอุโบสถยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆของทางวัด
ในรถตู้ซึ่งรู้สึกอึดอัดในค่ำคืนที่ผ่านมา ในเวลานี้กลับรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดของเพื่อนที่หนึ่งปีผ่านมาได้กลับมาพูดคุยกันอีกคุยกันไปคุยกันมาก็ดึงเอาวุฒเพื่อนใหม่และน้องอร สต๊าฟของ TKT มาร่วมสนทนาไปตลอดทาง
รถตู้จอดอีกครั้งที่หน้าน้ำตกภูซาง การจอดครั้งนี้กินเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ความจริงแล้วการเที่ยวชมน้ำตกภูซางนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น แต่เพราะต้องการให้คนขับได้นอนพักหลังจากที่ขับยาวมาตลอดทั้งคืน แต่เวลาที่มีมากขนาดนี้ทำให้พวกเราคิดจะไปตลาดชายแดนที่บ้านฮวกตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยาน เนื่องจากเดือนหนึ่งมีเพียง 2 ครั้ง และวันนี้ก็ตรงกับวันที่มีตลาดพอดี แต่ด้วยระยะทางอีกราว 5 กม.ทำให้เราหมดสิทธิ์ที่จะไป
No comments:
Post a Comment