Friday, March 30, 2007

บ้านลอนทราย (Part II)

บ้านลอนทรายเป็นรีสอร์ทติดกับชายหาด ผิดกับรีสอร์ทที่ผ่านๆ มา ที่มีถนนกั้นระหว่างรีสอร์ทกับชายหาด คิดว่าคงเป็นเพราะถนนเริ่มเบนออกจากหาดไปแล้วเลยมีที่พอจะให้สร้างรีสอร์ท และถัดจากบ้านลอนทรายที่พวกเราพักก็มีรีสอร์ทอื่นๆ ต่อกันเป็นแนวยาว

เมื่อเปิดประตูห้องออกมาดูก็พบว่าห้องกว้างกว่าที่คิด หลังจากขนข้าวของกันเรียบร้อยแล้ว อ๋อยก็นอนเอกเขนกอ่านนิยายที่เอามาบนเตียงอย่างมีความสุข ส่วนเราได้ล้างหน้าล้างตาซะหน่อยก็ออกไปเดินถ่ายรูป เก็บวิวมาฝากพรรคพวกแล้วก็นอนหลับหลังจากอิ่มตาปรือมานาน

จนอ๋อยเรียกถาม (ก่อนที่จะใช้อวัยวะส่วนอื่นสะกิดปลุก) ว่าจะลงเล่นน้ำได้ยัง ถึงได้ตื่นขึ้นมาทาครีมกันแดดด้วยความกลัวดำก่อนไปเล่นน้ำ อ๋อยเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่เราหลับก็มีโทรศัพท์จากที่ทำงานมาหาอ๋อยเรื่องงานที่กำลังมีปัญหาอยู่ ทำเอาอ๋อยเครียด แต่ก็ลงไปเล่นน้ำแต่โดยดีถึงจะว่ายน้ำไม่เป็นก็เถอะ ........แหมก็หาดสะอาดๆ น้ำใสๆ น่าเล่นน้อยอยู่เมื่อไหร่ล่ะ

คลื่นค่อนข้างแรงเพราะดูจากบางลูกซัดอ๋อยจนเซ (แต่ไม่สามารถซัดจนอ๋อยไปเกยตื้นได้ อิ อิ) อ๋อยก็เลยไม่กล้าลงไปที่ระดับน้ำลึกกว่าเอว หารู้ไม่ว่ายิ่งไปลึกขึ้นลูกคลื่นก็จะแรงน้อยลง แต่เอาเถอะ เพราะถ้าเกิดอ๋อยจมน้ำไปจริงๆ เราคงจะไม่มีปัญญาจะช่วย และถึงช่วยได้ก็คงไม่มีปัญญาหาหนุ่มหล่อระดับเรน มาผายปอดให้อ๋อย
หลังจากเล่นน้ำจนพอใจ และอ๋อยก็เริ่มเซ็งกะฟองคลื่นแล้ว พวกเราก็พากันไปที่สำนักงานเพื่อสั่งอาหารเย็น ดูว่าจะอร่อยอย่างที่ลงในเวบหรือเปล่า อีกอย่าง อ๋อยก็ขับรถเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปหากินกันข้างนอก มื้อนี้เลยมีปลาหมึกครึ่งแดด (น้อยกว่าแดดเดียว) กุ้งชุบแป้งทอด ปูผัดผงกระหรี่และต้มยำโป๊ะแตก แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ถามว่าเผ็ดหรือเปล่า หลังจากบอกว่าเอาน้ำข้น ดีที่เจ้าของตอบตามจริงว่าอาหารค่อนข้างเผ็ด อ๋อยก็เลยขอแยกพริก พอได้กินจริงๆ (โดยยังไม่ใส่พริก) เลยได้รู้ว่าค่อนข้างเผ็ดที่เป็นภาษาถิ่นของเขา ภาษาถิ่นของพวกเราเรียกว่าเผ็ดอิ๊บอ๋าย แล้วปลาหมึกครึ่งแดดก็แข็งมั่กๆ ไม่รู้ว่าอีกครึ่งแดด (ที่จะรวมเป็นแดดเดียว) นั้นมันไปนอนอยู่ในฟอร์มาลินหรือเปล่า อ๋อยยังบ่นว่าข้าวแข็งสุดๆ สรุปว่าอาหารที่รีสอร์ทนี้ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่

ถึงกระนั้นเราก็ยังกินกันจนเกือบหมด เหลือน้ำแกงแดงๆ ของต้มยำและเห็ดเทวดา (อร่อยสู้เห็ดนางฟ้าไม่ได้) ไว้ แต่แทนที่คืนนี้เราจะได้หลับเต็มที่ กลายเป็นหลับยากไป เพราะว่านอนเอาแรงไว้ตั้งแต่ก่อนว่ายน้ำนานโข และอีกอย่างโรงสีไฟวนิดาที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดทำงานเสียงดังสนั่น พลิกไปพลิกมาอยู่นานกว่าจะหลับได้ นึกถึงหมอปุ้มที่จะมาสมทบอีกคนแล้วสยอง กลัวว่าการท่องเที่ยวงวดนี้จะกลายเป็นทัวร์หมีแพนด้า ขอบตาดำคล้ำไปซะ ยานอนหลับก็ไม่ได้เอามาซะด้วย (ทุกทีจะหลับก่อนชาวบ้านเขา)

เช้าตื่นตี 5 ครึ่งตามปกติของการนอนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน จากนั้นไม่นานอ๋อยก็ลุกขึ้นมาบอกให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เราก็งงว่าเคยได้ยินแต่พระอาทิตย์ตกทะเล ลืมไปว่าเป็นชายฝั่งด้านตะวันออก แต่ก็เหมือนโดนหลอกให้ไปชะแง้รอตั้งนาน เห็นแต่ก้อนเมฆ กับแสงเงินแสงทอง ขาดแต่พระอาทิตย์!! ตั้งขากล้องรอจนเมื่อยเลยเข้าไปรับแอร์ในห้อง จนอ๋อยออกไปดูมั่งแล้วเข้ามาเรียกว่าเห็นพระอาทิตย์แล้ว (โปรดสังเกตว่าไม่ใช้คำว่าพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว) เลยได้รูปพระอาทิตย์ขึ้น (สูง) มาอวดชาวบ้านเขา

No comments: