Thursday, December 14, 2006

Kaikoura (9 ธ.ค.49)



วันนี้อากาศแจ่มใสแต่เช้า หลังจากฝนตกตลอดคืน ตกลงกันว่าจะออกเช้าหน่อยเพื่อไปแวะ Mount Cook แต่กว่าจะออกกันได้ก็เกือบ 8.00 น. เป้าหมายวันนี้ทำให้จุ๋ยต้องขับรถไกลมาก (ประมาณ 500 กม.) เพราะมีการเปลี่ยนแผนแทนที่จะไปตามเส้นทาง Arther’s pass และแวะพักที่ Springfield กลายมาเป็นไปดูปลาวาฬที่ Kaikoura ซึ่งอยู่ตอนเหนือของเกาะใต้ (มีหอยแมลงภู่ตัวอ้วนให้กินด้วย) Twizel --- Mount Cook --- Tekapo lake --- Ashburton --- Christchurch --- Kaikoura
Mount Cook เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ มีความสูงถึง 3,754 เมตร อยู่ในเทือกเขา southern Alps (มียอดเขามากถึง 19 ยอด) ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของเราพอสมควร ระหว่างทางต้องขับรถเลียบทะเลสาบ Pukaki ซึ่งสีฟ้าอ่อนของน้ำทะเลสาบ และอากาศที่แจ่มใสทำให้เห็นทิวเขาปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดแนว (โดยไม่รู้ว่ายอดไหนคือ Mount Cook ) ทำให้ต้องจอดรถถ่ายรูปอยู่หลายรอบ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะทำเวลา สุดทางจะมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ชื่อ The Hermitage อยู่และมีเส้นทางให้เดินเข้าไปชมเป็นวันๆ พวกเราเลือกเดินไปทาง Hooker valley แต่แค่ลงจากรถก็สัมผัสกับความหนาว (ยังบ้าถ่ายรูปกันอยู่ โดยเฉพาะจุ๋ยที่ต้องการใส่เสื้อหล่อโดยไม่มีเสื้อกันหนาว) เดินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิวแรกก็กลับ เพราะทั้งหนาวและลมแรง ยังเสียดายอยู่หน่อยที่ไม่ได้เข้าไปดูที่ Tasman valley ซึ่งเป็นถนนลูกรังที่ต่อไปจนถึง Tasman glacier ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์
มาแวะพักเที่ยงที่ทะเลสาบ Tekapo ที่ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว เนื่องจากสีของน้ำไม่ฟ้าใสเท่ากับ Pukaki จุ๋ยเดินหาที่โหลดรูปจากกล้องก็ต้องผิดหวัง เพราะเครื่องอัตโนมัติอัดให้ไม่ได้ พักกินข้าวเที่ยงกันแบบกองโจร (แฮมเบอร์เกอร์ในรถ) แล้วก็รีบไปต่อ เลยได้ไม่ได้ไปแอ็คถ่ายรูปกับโบสถ์ชุมพาบาล (Church of the good Shepherd) ติดทะเลสาบ ที่เห็นอยู่ลิบๆ ตามเส้นทางย้อนกลับ Christchurch แวะอีกทีที่ Ashburton เจอร้านถ่ายรูปปิดช้าอยู่ร้านนึง (วันเสาร์จะปิดกัน 13.00 น.) เลยโหลดได้สมใจ แล้วก็ถือโอกาสเปิด internet หาข้อมูลที่พักคืนนี้และจองทัวร์ดูปลาวาฬ ใช้วิธีโทรถามก็ได้ที่พัก Bella vista และดูปลาวาฬรอบ 7.45 น. (ทำเอาใจไม่ดี เพราะไม่ได้จองกันไว้ล่วงหน้า)
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ยัยหมอปุ้มเจอหนาวมาเกือบทั้งวันก็เวียนหัว ไข้ขึ้น พับไปแล้ว เหลือแต่คนขับกะเนวิเกเตอร์ เลยได้แต่ชวนกันคุย (นินทา) เพื่อนแก้ง่วงกันไปตลอดทาง
Kaikoura เป็นเมืองชายทะเล ที่กว่าจะไปถึงได้ต้องขึ้นเขา ลงเขามาได้ก็ต้องวิ่งรถขนานไปกับทางรถไฟติดชายฝั่ง แถมเจอฝนตก ทำให้ขับรถค่อนข้างยากทีเดียว ไปถึงกัน 20.30 น. วนหาที่พักจนเจอ โชคดีที่ลุงเจ้าของใจดี โทรจองร้านอาหารที่มีหอยอร่อยให้ มื้อนี้เลยเป็นโบนัสสำหรับคนที่ไม่ได้หลับ (เรากะจุ๋ย เพราะหมอปุ้มไม่สบายเลยกินอะไรแทบไม่ได้) ทั้งสเต็กแกะและหอยแมลงภู่ (mussel) ตัวเบ้ง (ขนาด 3 เท่าเมืองไทย) ทำเอาลืมความเหนื่อยยากที่อุตส่าห์ถ่อกันมาจนถึง เสียดายอยู่หน่อยที่ไม่ได้กินอาหารดังอีกอย่างของที่นี่คือ crayfish หรือกุ้งมังกร ที่คงแพงจนผม (ไม่แค่ขนหน้าแข้ง) ร่วงกราว (แต่ถ้าชวนจุ๋ย กลัวใจเหลือเกินว่ามันไม่ลังเลที่จะสั่ง) ไอ้เจ้ากุ้งมังกรที่ว่าเป็นของดังคู่กะหอย กล่าวคือมันเป็นที่มาของชื่อเมือง Kaikoura เอาเลย เพราะในภาษาเมารี Kai = food , Koura = crayfish รวมกันก็จะได้ meal of crayfish เอาเป็นว่าถึงจะดังแต่อาจเป็นอาหารที่ทำให้เกิดโรคซาง (จั๊บ) ได้ ก็เลยต้องปล่อยให้มันลอยนวลไปก่อน

No comments: