Monday, December 11, 2006

Christchurch (3 ธ.ค.49)



เหยียบสนามบิน Christchurch หนแรกก็ตื่นตาตื่นใจกับ ตม. รูปหล่อ (คราวนี้เริ่มฉลาด รวมพาสปอร์ตเป็นกลุ่มแล้วให้จุ๋ยไปยื่น เลยไม่ต้องถูกถามทีละคนเหมือนที่เมืองไทย) แต่พอถึงตอนตรวจเช็คกระเป๋า ยัยหมอปุ้มต้องไปตรวจแยกต่างหาก เพราะนำอาหาร (มาม่า หมากฝรั่ง) เข้ามาด้วย ซึ่งที่นี่เข้มงวดเรื่องการนำเข้าอาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตรมาก แต่ก็ผ่านได้ด้วยดี พอผ่านด่านตรวจมาได้ก็แวะหยิบแผนที่แล้วรับรถเช่า ฝรั่งที่นี่พูดฟังยาก (ฟังก็ไม่ค่อยจะออกอยู่แล้ว) ดีที่ล่ามกิตติมศักดิ์ของเราเม้าท์กระจายก็เลยผ่านฉลุย
รถที่เช่ามาเป็น Toyota Camry สีบรอนซ์เขียว ที่กว่าจุ๋ยจะชินกับมันก็คงอีกหลายวัน เพราะเลี้ยวทีก็ปัดน้ำฝนที แถมยังเปิดแอร์และกระจกไม่เป็น (555 ขอบอก) แต่ก็เข้าใจว่าพี่แกขับแต่รถยุโรปก็เลยเป็นเงี้ย (และอาจจะคันก้นนิดหน่อยที่ต้องนั่งรถญี่ปุ่น) แต่ฝีมือขับก็ยังเหมือนเดิม คือเท้าซ้ายเบรก และเท้าขวาเหยียบคันเร่ง ทำเอาเราที่ทำหน้าที่เนวิเกเตอร์ต้องบอกว่าใกล้จะอ้วกแล้ว แทนที่จะบอกทาง และถึงมีแผนที่ก็ยังหลงกันอยู่ดี แต่คนขับคงกำลังสนุกก็เลยขับไปเรื่อยๆ ส่วนหมอปุ้มที่นั่งข้างหลังก็ดูวิวตามบ้านคนแล้วชมว่าสวยๆ อยู่ตลอดทาง ปล่อยให้เราปวดหัวอยู่คนเดียวว่าจะวิ่งไปออกไหนเนี่ย
ถึงที่พักจนได้ตอน 13.30 น. คืนนี้พักที่ garden city motel เป็นที่พักค่อนข้างสวยทีเดียว ห้องของพวกเราอยู่ชั้นบน ห้องนอนมี 2 เตียง หน้าห้องเป็นครัวมีเตียงเสริมของจุ๋ยอยู่ มาถึงคราวแรกก็แบ่งหน้าที่กันโดยเราเป็นแม่ครัว (ฮ่วย) ต้มมาม่าเจ้าปัญหาของหมอปุ้มให้พวกมันกินกันเป็นมื้อแรก หมอปุ้มเป็นคนล้างจาน ส่วนคุณชายจุ๋ยเป็นผู้บริโภค (อาจจะซวยกว่าเราที่เป็นแม่ครัวก็เป็นได้)
พักผ่อนกันแป๊บนึงก็ออกไปที่ cathedral square ในตัวเมืองกัน อากาศเริ่มเย็นลงแถมมีลมพัดแรง (ยัยหมอปุ้มทำท่าจะไม่สบาย) วนรถอยู่นานกว่าจะไปจอดได้ที่อาคารจอดรถใกล้ศูนย์อาหาร ทำให้พลาดดูขบวนแห่ที่ท่าทางจะน่าสนุก และบังเอิญที่วันนี้วันอาทิตย์ ร้านค้าจะปิดค่อนข้างเร็ว เลยไปเดินที่โบสถ์ Christchurch แล้วแวะซื้อโปสการ์ดส่งถึงเพื่อนๆ ก่อนรีบกลับไปเอารถที่อาคารจอดรถจะปิด 17.15 น.ขากลับที่พักแวะซื้อเสบียงที่ทีแรกกะจะเป็นมื้อเย็น เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ปิด แล้วก็ซื้อผลไม้ที่บางอย่างก็ถูก เช่น แอปเปิ้ลมาไว้กิน แต่พอขับรถผ่าน shopping mall ที่เปิด 24 ชั่วโมงก็เปลี่ยนใจ (เพราะกลัวต้องกินฝีมือแม่ครัว) แวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาหารจีนที่ชามใหญ่และปริมาณเยอะมาก (เท่ากับพิเศษเมืองไทย 3 ชาม) ขนาดเราที่ถือคติท้องแตกดีกว่าของเหลือยังต้องหักใจลา และรสชาติก็ยังเค็มสุดๆ ซะอีกต่างหาก

No comments: