วันนี่ตื่นกันแต่เช้าตรู่ รู้สึกเสียดายที่นอนในห้องที่มีฮีตเตอร์มากๆ สำหรับจุ๋ยแล้ว ที่พักคืนที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นสวรรค์เลยทีเดียว เนื่องจากไม่ต้องนอนในครัวอีกต่อไป เพราะ Bella vista ที่จองได้งวดนี้ ไม่มีห้องชุดเตียงเสริมแบบที่พวกเราเคยพักให้ แต่เป็นห้องที่มีประตูติดกันให้แทน จุ๋ยก็เลยมีห้องน้ำส่วนตัว และประตูที่ปิดล๊อคมิดชิด (กันเข้าหา) ระหว่างห้องให้ด้วย แต่ถึงยังไง ปลาวาฬก็ยังสำคัญกว่า (หลังจากไปมาแล้วอาจจะคิดว่าไม่จริ๊ง) ทำให้พวกเราต้องตะลีตะลานออกจากโรงแรมตั้งแต่ 7.00 น.
ไปถึงที่ทำการของ Whale watch เพื่อจ่ายเงินแล้วก็ดูวีดีโอปลาวาฬและสัตว์ทะเลได้พักนึง ก็มีรถบัสมารับพวกเราไปยังท่าเรือ คนขับเรือมาแนะนำตัวพร้อมกับบอกเสร็จสรรพว่าสภาพทะเลวันนี้มีคลื่นแรงอาจจะเกิด bump ได้นิดหน่อย ยัยหมอปุ้มกินยาเรียบร้อยก็เตรียมจะหลับ อีก 2 หน่วยที่เหลือพากันคิดว่าผ่าน shotover jet มาแล้วคงไม่มีปัญหา ที่ไหนได้ แค่เรือไต่สันคลื่นไปได้ไม่กี่นาที มาม่าที่กินกันตอนเช้าก็แทบจะออกมากองบนตัก นั่งเก็กกันต่อไป ไม่กล้าอ้วกให้อายฝรั่ง จนเรือผ่านไหล่ทวีปเข้าไปในเขตน้ำลึกพันกว่าเมตร ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น แต่เหมือนระฆังช่วยที่มีเสียงแจ้งมาว่าเจอปลาวาฬแล้ว เลยพากันออกไปที่หัวเรือเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
หลังจากถูกหลอกให้ออกไปดูแต่น้ำเวิ้งว้าง 2 – 3 ครั้ง เราก็ได้เห็นปลาวาฬตัวเป็นๆ จนได้ (นึกว่าจะได้เงินคืนเพราะไม่เจอปลาวาฬซะแล้ว) แต่ขนาดไม่ใหญ่อย่างที่คิด เป็น sperm whale ที่มันไม่มาใกล้ๆ เรือซะด้วย เลยต้องคอยเพ่งสายตาหาความแตกต่างระหว่างตัวปลาวาฬกับคลื่นลูกใหญ่อยู่ซักพัก จนมันจะดำน้ำลงไปเลยได้เห็นหางโผล่ขึ้นมาฟาดอากาศแบบเต็มๆ พอเจอตัวที่ 2 คราวนี้ก็เลยเตรียมกล้องถ่ายวีดีโอ น่าเสียดายที่ไม่ได้มาโผล่แถบที่เรายืน ทำให้ต้องยื่นกล้องออกไปจับภาพแบบติดหัวคนอื่นมาเต็มไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่มีปลาวาฬโผล่มาให้เห็นอีกเลย จะมีก็แต่นกอัลบาทรอส แล้วก็ฝูงปลาโลมา (ไม่ยอมกระโดดรอบเรืออย่างที่คิด) เลยกลับมานั่งคลื่นไส้ในเรือกันต่อ ในที่สุด จุ๋ยก็ทนไม่ไหวต้องคายมาม่าออกมาจนได้ งานนี้เราจึงเป็นฝ่ายชนะอมอ้วกไว้ได้นานที่สุด (ไม่นับหมอปุ้มที่ใช้ยา)ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมงก็กลับมาถึงฝั่ง (ซะที) ให้เวลาจุ๋ย (และตัวเอง) พักซักหน่อย ออกไปชมวิวที่จุดชมวิว kaikoura peninsula ถ่ายรูปจนจุใจแล้วก็ไปหาข้าวกินกัน แวะร้าน fast food สำหรับสั่งกลับบ้าน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอาหารแบบชุดใหญ่ให้กินในร้านด้วย มื้อนี้ก็เลยได้กินหอยใหญ่ชุบแป้งทอด เอ็นหอยชุบแป้งทอด แล้วก็เนื้อสัตว์ต่างๆ (เพิ่งรู้ว่าคอเดียวกับจุ๋ยก็มาเที่ยวคราวนี้แหละ เพราะพากันกินเนื้อสัตว์ ปล่อยให้หมอปุ้มกินผักไปอย่างเดียวดาย 555) แวะไร่องุ่นทำไวน์แป๊บเดียวก็นั่งรถยาวกลับมาที่ Christchurch พักที่เดิมคือ garden city หลังจากเช็คอินแล้วก็พากันเข้าเมืองไปเก็บของฝากที่เหลือ (แอบหวังเล็กๆ ว่าจะมีพาเหรดอีก) ช้อปกันจนนึกได้ว่าใกล้จะหมดตัวเต็มทีก็พากันหาข้าวกิน งวดนี้แวะร้านอาหารจีนที่อร่อยมากๆ เฮียจุ๋ยแนะนำซุปรสเด็ดที่กินแล้วอิ่มอุ่นถูกลิ้น จานถัดมาเป็นผัดเนื้อแกะรสชาติไทยๆ ตบท้ายด้วยไข่เจียวใส่กุ้ง ซึ่งแค่นี้ก็กินกันไม่หมด ต้องห่อกลับพร้อมทั้งสั่งข้าวผัดไว้กินตอนเช้าวันรุ่งขึ้น (เบื่อมาม่าและไข่ต้มฝีมือแม่ครัวเต็มที)
ไปถึงที่ทำการของ Whale watch เพื่อจ่ายเงินแล้วก็ดูวีดีโอปลาวาฬและสัตว์ทะเลได้พักนึง ก็มีรถบัสมารับพวกเราไปยังท่าเรือ คนขับเรือมาแนะนำตัวพร้อมกับบอกเสร็จสรรพว่าสภาพทะเลวันนี้มีคลื่นแรงอาจจะเกิด bump ได้นิดหน่อย ยัยหมอปุ้มกินยาเรียบร้อยก็เตรียมจะหลับ อีก 2 หน่วยที่เหลือพากันคิดว่าผ่าน shotover jet มาแล้วคงไม่มีปัญหา ที่ไหนได้ แค่เรือไต่สันคลื่นไปได้ไม่กี่นาที มาม่าที่กินกันตอนเช้าก็แทบจะออกมากองบนตัก นั่งเก็กกันต่อไป ไม่กล้าอ้วกให้อายฝรั่ง จนเรือผ่านไหล่ทวีปเข้าไปในเขตน้ำลึกพันกว่าเมตร ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น แต่เหมือนระฆังช่วยที่มีเสียงแจ้งมาว่าเจอปลาวาฬแล้ว เลยพากันออกไปที่หัวเรือเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
หลังจากถูกหลอกให้ออกไปดูแต่น้ำเวิ้งว้าง 2 – 3 ครั้ง เราก็ได้เห็นปลาวาฬตัวเป็นๆ จนได้ (นึกว่าจะได้เงินคืนเพราะไม่เจอปลาวาฬซะแล้ว) แต่ขนาดไม่ใหญ่อย่างที่คิด เป็น sperm whale ที่มันไม่มาใกล้ๆ เรือซะด้วย เลยต้องคอยเพ่งสายตาหาความแตกต่างระหว่างตัวปลาวาฬกับคลื่นลูกใหญ่อยู่ซักพัก จนมันจะดำน้ำลงไปเลยได้เห็นหางโผล่ขึ้นมาฟาดอากาศแบบเต็มๆ พอเจอตัวที่ 2 คราวนี้ก็เลยเตรียมกล้องถ่ายวีดีโอ น่าเสียดายที่ไม่ได้มาโผล่แถบที่เรายืน ทำให้ต้องยื่นกล้องออกไปจับภาพแบบติดหัวคนอื่นมาเต็มไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่มีปลาวาฬโผล่มาให้เห็นอีกเลย จะมีก็แต่นกอัลบาทรอส แล้วก็ฝูงปลาโลมา (ไม่ยอมกระโดดรอบเรืออย่างที่คิด) เลยกลับมานั่งคลื่นไส้ในเรือกันต่อ ในที่สุด จุ๋ยก็ทนไม่ไหวต้องคายมาม่าออกมาจนได้ งานนี้เราจึงเป็นฝ่ายชนะอมอ้วกไว้ได้นานที่สุด (ไม่นับหมอปุ้มที่ใช้ยา)ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมงก็กลับมาถึงฝั่ง (ซะที) ให้เวลาจุ๋ย (และตัวเอง) พักซักหน่อย ออกไปชมวิวที่จุดชมวิว kaikoura peninsula ถ่ายรูปจนจุใจแล้วก็ไปหาข้าวกินกัน แวะร้าน fast food สำหรับสั่งกลับบ้าน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอาหารแบบชุดใหญ่ให้กินในร้านด้วย มื้อนี้ก็เลยได้กินหอยใหญ่ชุบแป้งทอด เอ็นหอยชุบแป้งทอด แล้วก็เนื้อสัตว์ต่างๆ (เพิ่งรู้ว่าคอเดียวกับจุ๋ยก็มาเที่ยวคราวนี้แหละ เพราะพากันกินเนื้อสัตว์ ปล่อยให้หมอปุ้มกินผักไปอย่างเดียวดาย 555) แวะไร่องุ่นทำไวน์แป๊บเดียวก็นั่งรถยาวกลับมาที่ Christchurch พักที่เดิมคือ garden city หลังจากเช็คอินแล้วก็พากันเข้าเมืองไปเก็บของฝากที่เหลือ (แอบหวังเล็กๆ ว่าจะมีพาเหรดอีก) ช้อปกันจนนึกได้ว่าใกล้จะหมดตัวเต็มทีก็พากันหาข้าวกิน งวดนี้แวะร้านอาหารจีนที่อร่อยมากๆ เฮียจุ๋ยแนะนำซุปรสเด็ดที่กินแล้วอิ่มอุ่นถูกลิ้น จานถัดมาเป็นผัดเนื้อแกะรสชาติไทยๆ ตบท้ายด้วยไข่เจียวใส่กุ้ง ซึ่งแค่นี้ก็กินกันไม่หมด ต้องห่อกลับพร้อมทั้งสั่งข้าวผัดไว้กินตอนเช้าวันรุ่งขึ้น (เบื่อมาม่าและไข่ต้มฝีมือแม่ครัวเต็มที)
No comments:
Post a Comment