ตอนกลางคืนหลังจากตื่นมาเข้าห้องน้ำ เราก็รู้สึกว่าอ๋อยจะนอนเข้ามาชิดผิดปกติ พอล้มตัวนอนได้สักพักก็รู้เหตุผลที่ว่าเอ๋นอนกัดฟันเสียงดังมาก (ในระหว่างที่คนอื่นๆ นอนกรนกันสนั่น) พอเห็นเรายังไม่นอน อ๋อยก็รีบฟ้องว่าเนี่ยเอ๋จะเคี้ยวอ๋อยแล้ว ทำเอาเราเส้นตื้นหัวเราะจนคนอื่นตื่นกันหมด (โดนบ่นในตอนเช้าว่าตื่นขึ้นมาหัวเราะทำไม) ชะรอยว่าเอ๋จะรู้ตัวก็เลยพลิกตัวหันไปเคี้ยว เอ๊ย นอนกัดฟันทางด้านจุ๋ยมั่ง
เช้าวันกลับ ในตอนแรกว่าจะตื่นเช้ามากๆ เพื่อไปจองเรือคยัค แต่ฝนที่ตกหนักหลังจากลุกขึ้นมาหัวเราะเมื่อคืน ทำเอานอนสบายเลยตื่นสายกว่าที่คิด แต่ก็ยังมีเวลาปลุกคนอื่นๆ (ยกเว้นอ๋อยที่ไม่ยอมลงน้ำ) ให้ตื่นขึ้นมาลากเรือออกไปพายเล่นกัน โดยจุ๋ยมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่หลังจากที่ผิดหวังจากการรอเรือเมื่อวาน ว่าจะไปถ่ายนู้ดริมหาดอีกด้านนึงที่พวกเราเดินไปกันเมื่อวาน ซึ่งช่างกล้อง (ตูอีกแล้ว) ก็จำใจต้องช่วยโพสท่า และเลือกหาทำเล ที่เหมาะจะให้จุ๋ยถ่ายรูปอวดโฉมแข่งกับนายแบบ FHM

เอ๋พาพวกเราไปวัดบุปผารามเพื่อฆ่าเวลารอรถเที่ยวต่อไป โดยวัดนี้เป็นพระอารามหลวง สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง มีพิพิธภัณฑ์อยู่ภายในวัด จัดแสดงของเก่าจำพวกเครื่องกระเบื้อง จานชาม และก็พระพุทธรูปปางต่างๆ มีหอระฆังจตุรมุข และโบสถ์เก่าที่ทำด้วยไม้ ได้เวลาอันสมควรพวกเราก็ให้เอ๋พาไปส่งที่สถานีขนส่งและบอกลาเอ๋ที่จะกลับระยองเพื่อทำงานต่อในวันพรุ่งนี้

ศุภรัตน์ทัวร์เที่ยวนี้แย่กว่าคันขามา เพราะแอร์ไม่เย็นและขับค่อนข้างช้า ฝรั่งที่นั่งข้างหน้าเราก็ยังพยายามเอนเก้าอี้มาเบียดอีก (รู้สึกงวดนี้มีปัญหากับฝรั่ง) ดีที่มีแวะพักรถให้ลงไปเดินยืดเส้นยืดสายที่ชลบุรี 15 นาที หลังจากนั้นก็พยายามหลับๆ ไปซะ ดีที่ฝนตกลงมาช่วยคลายความร้อนได้บ้าง กลับมาถึงเอกมัย 20.30 น. ต่อรถไฟฟ้าไปที่คอนโดจุ๋ยกันอีก คราวนี้เราเปลี่ยนรถเป็นไปนั่งรถจุ๋ยกลับ แวะกินข้าวต้มกันที่ท่านากันต่อ ถึงบ้าน 22.30 น.
No comments:
Post a Comment